ระบบดูดควันในห้องครัวร้านอาหาร โรงแรม

คำแนะนำเกี่ยวกับการติดตั้งและออกแบบระบบดูดควัน

การออกแบบและติดตั้งระบบดูดควัน Smoke extraction system ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์ ไปจนถึงการจัดวางและการเดินระบบท่อ ต่อไปนี้คือขั้นตอนและคำแนะนำสำคัญ

/HOOD EXHAUST SYSTEM

 

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

หากจะพูดถึงระบบดูดควันในห้องครัวร้านอาหาร โรงแรม เชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ที่ประกอบไปด้วยส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้

  1. Hood สแตนเลส: ฮูดดูดควันทำจากสแตนเลส ซึ่งนิยมใช้ในครัวเชิงพาณิชย์ เนื่องจากทนต่อความร้อน ทนทานต่อการกัดกร่อน และทำความสะอาดง่าย
  2. หลอดไฟในฮูด: หลอดไฟในฮูดช่วยเพิ่มแสงสว่างในพื้นที่ทำอาหาร ช่วยให้มองเห็นชัดเจนในระหว่างการทำงาน
  3. ฟิลเตอร์ดูดควัน: ฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองดูดควันใช้สำหรับกรองคราบน้ำมันและอนุภาคอื่น ๆ ที่มากับควัน เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปในมอเตอร์หรือระบบท่อ
  4. มอเตอร์ดูดควัน (Kruger): มอเตอร์ Kruger เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในระบบระบายอากาศและดูดควัน ด้วยประสิทธิภาพและความคงทน
  5. ตู้คอนโทรลมอเตอร์: ตู้คอนโทรลใช้ควบคุมการเปิด-ปิดและความเร็วของมอเตอร์ ช่วยให้การทำงานของระบบดูดควันสะดวกและปลอดภัย
  6. ท่อเมนสังกะสีเบอร์ 20: ท่อเมนสำหรับระบายควันทำจากสังกะสีเบอร์ 20 มีความแข็งแรงและทนทาน ใช้สำหรับนำควันจากฮูดไปปล่อยยังภายนอก

การออกแบบและ ติดตั้งระบบดูดควัน สำหรับครัวร้านอาหาร

บริการออกแบบวางระบบ และติดตั้งเครื่องดูดควัน ต่อท่อนอกอาคาร

การออกแบบและติดตั้งระบบดูดควันสำหรับครัวเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมจำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำทีละขั้นตอน:

1. การวางแผนและออกแบบ

  1. วิเคราะห์พื้นที่
    • กำหนดตำแหน่งของฮูดดูดควันให้ใกล้กับแหล่งกำเนิดควัน เช่น เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ที่ปล่อยควัน
    • วัดขนาดพื้นที่ที่จะติดตั้งฮูดและระบบท่อเพื่อให้เหมาะสมกับครัว
  2. เลือกอุปกรณ์
    • ฮูดดูดควัน: เลือกขนาดและชนิดที่เหมาะกับปริมาณควันที่เกิดขึ้น (เช่น Wall-mounted Hood, Island Hood)
    • มอเตอร์ดูดควัน: คำนวณอัตราการไหลของอากาศ (CFM หรือ CMH) ตามขนาดฮูดและปริมาณควัน โดย Kruger มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย
    • ฟิลเตอร์: เลือกชนิดฟิลเตอร์ (Baffle Filter หรือ Mesh Filter) ที่เหมาะสมกับการใช้งาน
    • ท่อเมน: ใช้ท่อสังกะสีเบอร์ 20 เพื่อความทนทาน และเลือกเส้นผ่านศูนย์กลางที่เหมาะสม (ขึ้นอยู่กับการคำนวณระบบไหลเวียนอากาศ)
    • ตู้คอนโทรล: เลือกรุ่นที่สามารถปรับความเร็วพัดลมได้และรองรับกำลังไฟของมอเตอร์

2. การติดตั้ง

  1. ติดตั้งฮูดดูดควัน
    • ติดตั้งฮูดให้สูงจากเตาประมาณ 75-90 ซม. เพื่อให้ดูดควันได้เต็มประสิทธิภาพ
    • ยึดให้มั่นคงและปรับระดับให้เหมาะสม
  2. ติดตั้งท่อเมน
    • เดินท่อให้มีความลาดเอียงเล็กน้อย (1-2 องศา) เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมัน
    • ใช้ข้อต่อและซีลอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการรั่วซึม
  3. ติดตั้งมอเตอร์ดูดควัน
    • วางมอเตอร์ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับการซ่อมบำรุง
    • ยึดมอเตอร์อย่างแน่นหนาและเชื่อมต่อกับท่อ
  4. ติดตั้งตู้คอนโทรล
    • วางตู้คอนโทรลในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก
    • เชื่อมต่อสายไฟและตั้งค่าการทำงานของมอเตอร์
  5. ติดตั้งฟิลเตอร์
    • ติดตั้งฟิลเตอร์ในฮูดโดยให้สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย

3. การทดสอบและตรวจสอบ

  1. ทดสอบการทำงาน
    • เปิดระบบดูดควันและตรวจสอบว่าไม่มีการรั่วไหลของอากาศ
    • ทดสอบแรงดูดว่าเพียงพอสำหรับดูดควันในพื้นที่
  2. ตรวจสอบความปลอดภัย
    • ตรวจสอบการเดินสายไฟให้อยู่ในมาตรฐาน
    • ตรวจสอบการระบายควันว่าไม่มีการสะสมในจุดใด

4. การบำรุงรักษา

  1. ทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอุดตัน
  2. ตรวจสอบและล้างระบบท่อทุก 6 เดือน เพื่อกำจัดคราบน้ำมันสะสม
  3. ตรวจสอบมอเตอร์และตู้คอนโทรลปีละครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
  • เลือกวัสดุที่มีคุณภาพสูงเพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุงในระยะยาว
  • หากครัวมีการใช้งานหนัก ควรเลือกระบบดูดควันที่มีความจุสูง

ถ้าสนใจรายละเอียดเฉพาะส่วนใดในระบบดูดควัน เช่น ขนาดอุปกรณ์ รุ่นที่แนะนำ หรือวิธีการติดตั้งในแต่ละขั้นตอน สามารถระบุได้ดังนี้ครับ:

1. ฮูดดูดควัน (Hood)

  • ต้องการขนาดเท่าไหร่? เช่น กว้าง 120 ซม., 150 ซม. หรือใหญ่กว่านั้น
  • ประเภทฮูด: Wall-mounted (ติดผนัง) หรือ Island Hood (สำหรับครัวกลางห้อง)
  • ลักษณะการใช้งาน: สำหรับครัวบ้าน, ร้านอาหาร, หรืออุตสาหกรรมหนัก

2. มอเตอร์ดูดควัน (Kruger)

  • ต้องการแรงดูดขนาดไหน? เช่น 1,000 CFM, 2,000 CFM หรือสูงกว่า
  • ต้องการรุ่นพิเศษหรือไม่? เช่น รุ่นเสียงเบา, ประหยัดพลังงาน, หรือมอเตอร์สำหรับพื้นที่อุณหภูมิสูง

3. ท่อเมนสังกะสี (Galvanized Duct)

  • ขนาดท่อที่ต้องการ: เส้นผ่านศูนย์กลาง เช่น 6 นิ้ว, 8 นิ้ว, หรือ 12 นิ้ว
  • ความยาวรวมของระบบท่อ: ระยะทางจากฮูดไปยังจุดปล่อยควัน
  • ชนิดของข้อต่อและอุปกรณ์เสริม: เช่น ข้อต่อแบบโค้ง, ฝาปิดปลายท่อ

4. ฟิลเตอร์ดูดควัน

  • ชนิดของฟิลเตอร์: Baffle Filter (กรองน้ำมัน), Mesh Filter (กรองละเอียด)
  • ต้องการคุณสมบัติพิเศษ? เช่น กรองกลิ่นเพิ่มเติม

5. ตู้คอนโทรลมอเตอร์

  • ฟังก์ชันที่ต้องการ: เปิด-ปิดแบบธรรมดา หรือปรับระดับความเร็วของมอเตอร์
  • ระบบไฟที่ใช้: 220V หรือ 380V

6. การติดตั้ง

  • ต้องการข้อมูลการติดตั้งเฉพาะในส่วนไหน? เช่น การเดินสายไฟ, การเชื่อมต่อท่อ, หรือการปรับตั้งระดับของฮูด

การใช้งาน มอเตอร์ ดูดควัน Kruger และวิธีบำรุงรักษา

อย่าเพิ่งติดตั้งเครื่องดูดควันเด็ดขาด! ถ้ายังไม่รู้สิ่งเหล่านี้

การใช้งานมอเตอร์ดูดควัน Kruger

มอเตอร์ดูดควัน Kruger เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบระบายอากาศและดูดควัน มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพสูงและความทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานในครัวเรือน ครัวเชิงพาณิชย์ หรือโรงงานอุตสาหกรรม

1. วิธีการใช้งานมอเตอร์ดูดควัน Kruger

  1. เริ่มต้นใช้งาน
    • เชื่อมต่อมอเตอร์กับตู้คอนโทรลให้เรียบร้อย
    • เปิดระบบผ่านตู้คอนโทรล โดยเลือกการทำงานที่เหมาะสม เช่น เปิด-ปิด หรือปรับระดับแรงลม
  2. การตั้งค่าความเร็ว
    • มอเตอร์ Kruger มักรองรับการปรับความเร็วหลายระดับ
    • ปรับความเร็วให้เหมาะสมกับปริมาณควันที่เกิดขึ้นในครัว เช่น ใช้ความเร็วต่ำในกรณีควันน้อย และความเร็วสูงในกรณีมีควันหนาแน่น
  3. ระบบความปลอดภัย
    • หากมอเตอร์มีระบบ Overload Protection ให้ตรวจสอบว่าทำงานปกติ เพื่อป้องกันการเสียหายจากความร้อนหรือการใช้งานหนัก

2. ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • อย่าใช้งานเกินกำลัง: คำนวณแรงดูด (CFM) ให้เหมาะสมกับฮูดและขนาดพื้นที่
  • ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงตำแหน่งที่มีความร้อนสูงหรือมีความชื้นมาก
  • อย่าให้มีสิ่งกีดขวางในท่อระบายควัน: เช่น คราบน้ำมันที่สะสม เพราะอาจลดประสิทธิภาพของมอเตอร์

การบำรุงรักษามอเตอร์ดูดควัน Kruger

1. การบำรุงรักษาประจำ

  1. ทำความสะอาดใบพัดและมอเตอร์
    • ถอดใบพัดออกมาทำความสะอาดทุก 3-6 เดือน เพื่อขจัดคราบน้ำมันและฝุ่นที่เกาะ
    • ใช้แปรงหรือผ้าชุบน้ำมันขจัดคราบ (Degreaser) ในการทำความสะอาด
  2. ตรวจสอบระบบสายไฟ
    • เช็คสายไฟและการเชื่อมต่อเพื่อป้องกันไฟรั่วหรือชำรุด
    • หากพบสายไฟชำรุด ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
  3. หล่อลื่นมอเตอร์
    • เติมน้ำมันหล่อลื่นที่จุดหมุนของมอเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต (ปีละ 1-2 ครั้ง) เพื่อยืดอายุการใช้งาน
  4. ตรวจสอบฟิลเตอร์
    • ฟิลเตอร์ที่อุดตันจะเพิ่มแรงต้านในการทำงานของมอเตอร์ ตรวจสอบและทำความสะอาดฟิลเตอร์ทุก 1-2 สัปดาห์

2. การซ่อมบำรุงเชิงลึก

  1. ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน
    • ทดสอบว่าแรงลม (Airflow) และเสียงของมอเตอร์ยังอยู่ในระดับปกติ
    • หากแรงลมลดลงหรือมีเสียงดังผิดปกติ อาจมีปัญหาในระบบใบพัดหรือขดลวด
  2. ตรวจสอบความร้อนของมอเตอร์
    • ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิตรวจสอบ หากมอเตอร์ร้อนเกินไป อาจเกิดจาก Overload หรือปัญหาในระบบระบายความร้อน
  3. เปลี่ยนอุปกรณ์เสื่อมสภาพ
    • หากพบส่วนประกอบที่เสื่อมสภาพ เช่น แบริ่งหรือซีล ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันการเสียหายที่ใหญ่กว่า

3. ความถี่ในการบำรุงรักษา

  • รายวัน: ทำความสะอาดบริเวณรอบมอเตอร์และตรวจสอบการทำงานเบื้องต้น
  • รายเดือน: เช็คฟิลเตอร์และตรวจสอบระบบไฟ
  • รายปี: ตรวจสอบใบพัด, เติมน้ำมันหล่อลื่น, และเช็คประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ

4. การเก็บรักษา

  • หากไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ให้คลุมมอเตอร์ด้วยพลาสติกหรือผ้าเพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้น
  • ถอดปลั๊กหรือปิดระบบไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน

มอเตอร์ ดูดควัน Kruger 10000 cfm 380v คืออะไร

โบลเวอร์ดูดเป่าระบายอากาศ KRUGER FAN รุ่นใบพัดกรงกระรอก /  ดูดเป่าระบายอากาศกลิ่นฝุ่นลมควัน / ระบบไฟ 380V สภาพสวยสดใหม่ - kps-machine

 

มอเตอร์ดูดควัน Kruger 10,000 CFM 380V เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบระบายอากาศและดูดควัน มีลักษณะเด่นดังนี้:

รายละเอียดของมอเตอร์

  1. แรงลม (CFM)
    • 10,000 CFM (Cubic Feet per Minute) หมายถึงปริมาณอากาศที่มอเตอร์สามารถดูดหรือระบายออกได้สูงสุด 10,000 ลูกบาศก์ฟุตต่อนาที
    • เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีควันหรือกลิ่นเข้มข้น เช่น ครัวอุตสาหกรรม โรงงาน หรือครัวขนาดใหญ่
  2. กำลังไฟฟ้า
    • ใช้ไฟฟ้าแบบ 380V ซึ่งเป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส (Three-phase)
    • เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมหรือครัวขนาดใหญ่ เนื่องจากระบบไฟ 3 เฟสมีความเสถียรและรองรับการทำงานหนักได้ดีกว่าไฟฟ้า 1 เฟส (220V)
  3. คุณสมบัติของแบรนด์ Kruger
    • Kruger เป็นผู้ผลิตระบบระบายอากาศและมอเตอร์ที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ
    • ตัวมอเตอร์ได้รับการออกแบบให้ทนต่อการทำงานหนักและมีอายุการใช้งานยาวนาน

การใช้งาน

มอเตอร์ดูดควันที่มีแรงลม 10,000 CFM และใช้ไฟฟ้า 380V เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้:

  1. ครัวขนาดใหญ่
    • ใช้ในโรงแรม, ร้านอาหารขนาดใหญ่, หรือศูนย์อาหาร
  2. โรงงานอุตสาหกรรม
    • ใช้ในการระบายอากาศในพื้นที่ที่มีการผลิตควัน กลิ่น หรือฝุ่นละอองจำนวนมาก เช่น โรงงานเคมี โรงงานอาหาร
  3. พื้นที่เชิงพาณิชย์
    • ใช้ในศูนย์การค้า หรือพื้นที่ที่ต้องการการระบายอากาศในปริมาณมาก

ข้อดี

  1. แรงลมสูง: เหมาะสำหรับดูดควันในพื้นที่ขนาดใหญ่
  2. รองรับการใช้งานหนัก: ด้วยระบบไฟ 380V ทำให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องโดยไม่ร้อนเกินไป
  3. ประหยัดพลังงาน: มอเตอร์แบบ 3 เฟสมีความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว

ข้อควรพิจารณา

  1. การติดตั้ง
    • ต้องมีระบบไฟฟ้า 380V ที่ติดตั้งอย่างถูกต้อง
    • ควรใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเพื่อความปลอดภัย
  2. การบำรุงรักษา
    • ต้องตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะใบพัดและท่อระบายควัน
    • ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร
  3. ขนาดพื้นที่
    • แรงลม 10,000 CFM อาจเกินความจำเป็นสำหรับพื้นที่เล็ก หากเป็นพื้นที่ขนาดเล็กอาจต้องลดขนาดมอเตอร์

การเลือกใช้

หากคุณกำลังพิจารณามอเตอร์ขนาดนี้ ควรประเมินพื้นที่และปริมาณควันที่ต้องการระบายอย่างละเอียด เพื่อให้ได้มอเตอร์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ