เคล็ดลับเลือกท่อดูดควัน ปล่องดูดควัน และพัดลมดูดระบายควันไอเสียในห้องครัวร้านอาหาร
ในห้องครัวของร้านอาหาร ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ระบบดูดระบายควันและไอเสียถือเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงเพื่อสุขภาพของพนักงานในครัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยของร้านและความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก “เคล็ดลับ” ในการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการระบายควัน ได้แก่ ท่อดูดควัน ปล่องดูดควัน และพัดลมดูดระบายควัน ให้เหมาะสมกับประเภทของร้านอาหาร เพื่อให้ระบบครัวของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พัดลมดูดอากาศในครัว KRUGER การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ
ทำไมระบบระบายควันในห้องครัวร้านอาหารจึงสำคัญ?
- ลดความร้อนสะสม: ในครัวที่มีการปรุงอาหารตลอดทั้งวัน ความร้อนสามารถทำให้อุณหภูมิภายในสูงขึ้น ระบบดูดควันช่วยดึงความร้อนออก
- กำจัดกลิ่นและควัน: ควันจากการผัด ทอด ย่าง หากไม่ถูกระบายออกจะฟุ้งไปทั่วร้าน สร้างความรำคาญให้ลูกค้า
- ลดคราบไขมัน: ช่วยลดการเกาะตัวของคราบไขมันบนผนัง เพดาน และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- เสริมความปลอดภัย: ลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ โดยเฉพาะในครัวที่มีการใช้เตาแก๊สหรือเตาถ่าน
เคล็ดลับเลือกท่อดูดควัน
1. เลือกขนาดท่อให้เหมาะกับปริมาณการใช้งาน
- ร้านขนาดเล็ก – ใช้ท่อขนาด 6-8 นิ้ว
- ร้านขนาดกลางถึงใหญ่ – ใช้ท่อขนาด 10-18 นิ้ว หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับจำนวนหัวเตา
2. เลือกวัสดุคุณภาพสูง
- สแตนเลส 304: ทนความร้อนสูง ไม่เป็นสนิม อายุการใช้งานยาวนาน
- สังกะสีเคลือบสี: ประหยัดแต่ควรติดตั้งในที่ไม่มีความชื้นสูง
3. ออกแบบทิศทางการเดินท่อ
- หลีกเลี่ยงการใช้ข้อโค้งเกิน 2 จุด เพราะจะลดประสิทธิภาพของแรงดูด
- ท่อควรมีความชันประมาณ 5-10 องศา เพื่อให้ไขมันหรือหยดน้ำไหลไปยังถาดรองได้ง่าย
4. ความยาวของท่อไม่ควรเกินความจำเป็น
- ท่อยิ่งยาว แรงดูดยิ่งลด ควรติดตั้งพัดลมช่วยดูด (booster fan) หากระยะเกิน 10 เมตร
เคล็ดลับเลือกปล่องดูดควัน (hood)
1. ประเภทของปล่องดูดควัน
- แบบติดผนัง (Wall-mounted): เหมาะกับครัวที่เตาชิดผนัง
- แบบกลางห้อง (Island hood): เหมาะกับเตาที่อยู่กลางห้องครัว
- แบบ Low profile: สำหรับพื้นที่จำกัด เช่น รถฟู้ดทรัค
2. เลือกขนาดให้ใหญ่กว่าพื้นที่เตาเล็กน้อย
- หากเตากว้าง 120 ซม. ควรใช้ปล่องกว้างอย่างน้อย 130-150 ซม.
- ควรมีระยะห่างจากเตาประมาณ 70-90 ซม.
3. ระบบกรองภายใน
- ระบบกรองไขมันแบบตะแกรง (Baffle filter): ทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการใช้งานหนัก
- ระบบกรองกลิ่นแบบถ่าน (Carbon filter): เหมาะสำหรับครัวในอาคารที่ไม่สามารถต่อท่อออกนอกได้
เคล็ดลับเลือกพัดลมดูดระบายควัน
1. ประเภทของพัดลม
- พัดลมแบบแรงเหวี่ยง (Centrifugal fan): แรงดันสูง เหมาะกับท่อยาวหรือมีข้อโค้งเยอะ
- พัดลมแกนตรง (Axial fan): ใช้กับท่อระยะสั้นหรือดูดตรงออกนอกร้าน
2. ขนาดแรงลม (CFM) ที่เหมาะสม
- ควรคำนวณจากจำนวนหัวเตา, ขนาดพื้นที่ครัว และระยะท่อ
- ร้านทั่วไปควรเลือกพัดลมที่มีกำลังตั้งแต่ 1000-3000 CFM ขึ้นไป
3. การติดตั้ง
- ติดตั้งในตำแหน่งที่ช่วยเสริมแรงดูด เช่น ท้ายท่อหรือปล่อง
- ควรติดตั้งแบบกันน้ำ/กันฝนหากอยู่ภายนอกอาคาร
4. เลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้
- แบรนด์ยอดนิยม เช่น Kruger, Ebm-Papst, Panasonic, AIRFLOW
- ควรเลือกที่มีอะไหล่บริการและการรับประกัน
ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการติดตั้งระบบดูดควัน
ควรมีระบบบำบัดกลิ่นหรือตัวกรองพิเศษ หากร้านอยู่ในพื้นที่ชุมชน หรือต่อปล่องออกใกล้บ้านเรือนผู้อื่น
ดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- ทำความสะอาดปล่องและท่ออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
- ตรวจเช็กพัดลมทุก 3-6 เดือน เพื่อป้องกันการสึกหรอหรือสิ่งอุดตัน
ขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่น
- ในหลายพื้นที่ต้องยื่นแบบแปลนระบบระบายอากาศกับเขตหรืออบต. ก่อนดำเนินการติดตั้ง
การออกแบบและเลือกใช้อุปกรณ์ระบบดูดระบายควันในห้องครัวร้านอาหารไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความสะอาดหรือกลิ่นรบกวน แต่คือหัวใจของ “ครัวปลอดภัย” ที่มีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ครัวได้อีกด้วย
การเลือกท่อดูดควัน ปล่องดูดควัน และพัดลมดูดควันที่เหมาะสม ช่วยให้ร้านของคุณสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไร้ปัญหาควันรบกวน และยังแสดงถึงความเป็นมืออาชีพที่ลูกค้าสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวเข้าร้าน
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พัดลมดูดอากาศในครัว KRUGER การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ