ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ระบบดูดควัน Kitchen Hood ครัวร้านอาหาร



Categories:

ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ ระบบดูดควัน (Kitchen Hood) ครัวร้านอาหาร 

ในโลกของการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการปรุงเมนูง่ายๆ ในบ้าน หรือการทำอาหารแบบจัดเต็มใน ครัวร้านอาหาร เชิงพาณิชย์ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ระบบดูดควัน ที่มีประสิทธิภาพ เครื่องการดูดอากาศ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Kitchen Hood และ Exhaust Fan ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริม

ผัดเชฟ

แต่คือหัวใจสำคัญที่ช่วยรักษาสุขภาพอนามัยของผู้ใช้งานและรักษาคุณภาพของอากาศภายในอาคาร การเลือกและการบำรุงรักษา ระบบดูดควัน ที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ของ ระบบดูดควัน พร้อมเจาะลึกเรื่อง filter hood และการดูแลรักษาเพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบห้องครัวร้านอาหาร การออกแบบครัว โปรดบอกเราได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

พ่อครัวเตรียมอาหารอาหารในห้องครัวพ่อครัวทําอาหารพ่อครัวจานตกแต่ง

ทำไม ระบบดูดควัน จึงสำคัญกว่าที่คุณคิด?

ระบบดูดควัน (Kitchen Hood / Exhaust Hood) คือระบบระบายอากาศที่ออกแบบมาเพื่อดักจับและกำจัดควัน ไอน้ำ ความร้อน กลิ่น และอนุภาคไขมันที่เกิดขึ้นระหว่างการประกอบอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ครัวร้านอาหาร ที่มีการใช้เตาแรงดันสูงหรือมีการปรุงอาหารต่อเนื่องเป็นเวลานาน

พ่อครัวผัดปรุงอาหาร

หากขาด เครื่องการดูดอากาศ ที่มีประสิทธิภาพ ควันและไอน้ำเหล่านี้จะสะสม สร้างความอับชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและไขมัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายจากเพลิงไหม้ได้

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: อาหารเอเชียทั่วไป

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบห้องครัวร้านอาหาร การออกแบบครัว โปรดบอกเราได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

Kitchen Hood ทำงานอย่างไร?

โดยทั่วไป ระบบดูดควัน จะทำงานผ่าน 3 ขั้นตอนหลัก:

  1. การดักจับ (Capture): ฝาชีดูดควัน (Hood Canopy) ที่ติดตั้งเหนืออุปกรณ์ทำอาหาร จะดักจับควันและความร้อนที่ลอยขึ้นสู่ด้านบน

  2. การกรอง (Filter): อากาศที่ถูกดูดเข้ามาจะไหลผ่าน แผ่นกรองดูดอากาศ หรือ filter hood เพื่อดักจับอนุภาคไขมันและสิ่งสกปรกต่างๆ

  3. การระบายไอเสีย (Exhaust): พัดลมดูดอากาศ หรือโบลเวอร์ (Blower) จะทำหน้าที่ขับอากาศเสียที่ผ่านการกรองแล้วออกไปสู่ภายนอกอาคารผ่านระบบท่อ (Ducting) หรือในบางระบบก็จะหมุนเวียนอากาศกลับเข้าสู่ภายในห้องครัว

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบห้องครัวร้านอาหาร การออกแบบครัว โปรดบอกเราได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ


ชนิดของ ระบบดูดควัน และการเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ระบบดูดควัน มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่ทำอาหารและปริมาณการใช้งาน

1. ระบบดูดควัน สำหรับบ้านและคอนโด (Residential Hoods)

เน้นความสวยงามและประหยัดพื้นที่ มักมีแรงดูดที่เหมาะสมกับการทำอาหารในครัวเรือนทั่วไป

  • เครื่องดูดควันแบบมาตรฐาน (Slim Line Hood): มีขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย มักใช้ระบบหมุนเวียนอากาศกลับ (Recirculating System) ที่ใช้ ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน แบบถ่านกัมมันต์ (Charcoal Filter) ช่วยดูดซับกลิ่นก่อนปล่อยอากาศบริสุทธิ์กลับเข้าห้อง เหมาะสำหรับครัวที่มีพื้นที่จำกัด

  • เครื่องดูดควันแบบกระโจมติดผนัง (Chimney Hood): ดีไซน์ทันสมัย ติดตั้งบนผนัง มีปล่องระบายอากาศสู่ภายนอก (Ducting System) ให้ประสิทธิภาพการดูดที่ดีกว่า ระบบดูดควัน แบบหมุนเวียน เหมาะสำหรับครัวไทยที่ทำอาหารหนัก

  • เครื่องดูดควันแบบเกาะกลาง (Island Hood): สำหรับครัวที่มีเตาตั้งอยู่กลางห้อง จำเป็นต้องมีดีไซน์ที่สวยงามและมีกำลังดูดสูง

2. ระบบดูดควัน สำหรับ ครัวร้านอาหาร (Commercial Exhaust Hoods)

ต้องการกำลังดูดสูงเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้งานหนักและต่อเนื่อง จำเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและสุขาภิบาลอย่างเคร่งครัด

  • ฝาชีดูดควันเชิงพาณิชย์ (Commercial Hood Canopy): มีขนาดใหญ่และแข็งแรง ติดตั้งเหนือเตาทำอาหารและอุปกรณ์ต่างๆ ใน ครัวร้านอาหาร

  • โบลเวอร์ (Blower) หรือ พัดลมดูดอากาศ กำลังสูง: มักติดตั้งแยกส่วนอยู่นอกตัวฝาชี เพื่อเพิ่มแรงดูดและลดเสียงรบกวนในครัว

  • ระบบเติมอากาศ (Makeup Air System): ใน ครัวร้านอาหาร ที่มีการดูดอากาศออกไปในปริมาณมาก จำเป็นต้องมีระบบเติมอากาศภายนอกเข้ามาทดแทน เพื่อให้แรงดันอากาศสมดุลและไม่ดึงกลิ่นจากส่วนอื่นๆ เข้ามาในครัว


เจาะลึก Filter Hood และ แผ่นกรองดูดอากาศ

ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน หรือ แผ่นกรองดูดอากาศ คือหัวใจสำคัญในการแยกอนุภาคไขมันออกจากอากาศ ก่อนที่จะถูกปล่อยออกไปหรือหมุนเวียนกลับเข้ามา การเลือกชนิดของ filter hood ให้เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ ระบบดูดควัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดควันได้อย่างมาก

ชนิดของ ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน ที่นิยมใช้

ชนิด Filter Hood ลักษณะเด่น การใช้งานที่เหมาะสม
แผ่นกรองโลหะ (Mesh Filter) ตะแกรงโลหะหลายชั้น ดักจับไขมันและอนุภาคใหญ่ ทำความสะอาดง่าย มักใช้ในครัวเรือนทั่วไป การทำอาหารที่ไม่หนักมาก
แผ่นกรองบาฟเฟิล (Baffle Filter) โลหะแผ่นซ้อนกันเป็นช่องทางเดินอากาศ บังคับให้อนุภาคไขมันชนกับแผ่นโลหะและถูกดักจับ ประสิทธิภาพสูงในการดักจับไขมัน ครัวร้านอาหาร และครัวไทยที่ทำอาหารหนัก (ทอด/ผัด)
ฟิลเตอร์ถ่านกัมมันต์ (Charcoal Filter) มีหน้าที่ดูดซับกลิ่นและสารเคมีจากการประกอบอาหาร ไม่ได้กรองไขมัน ระบบดูดควัน แบบหมุนเวียนอากาศ (Recirculating Hoods)

ความแตกต่างระหว่าง ระบบดูดควัน แบบต่อท่อระบายกับแบบหมุนเวียน

คุณสมบัติ ระบบต่อท่อระบาย (Ducting System) ระบบหมุนเวียนอากาศ (Recirculating System)
การระบายอากาศ ดูดอากาศเสียออกสู่ภายนอกอาคาร กรองอากาศด้วย ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดอากาศ (ถ่านกัมมันต์) แล้วปล่อยอากาศกลับเข้าห้อง
ประสิทธิภาพ สูงกว่ามากในการกำจัดความร้อน/ความชื้น/กลิ่น ประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นดี แต่ไม่สามารถกำจัดความร้อนและความชื้นได้
การติดตั้ง ยุ่งยาก ต้องเจาะผนัง/เพดานเพื่อเดินท่อ ติดตั้งง่าย ไม่ต้องเจาะผนัง
การบำรุงรักษา ทำความสะอาด แผ่นกรองดูดอากาศ (โลหะ/บาฟเฟิล) และท่อเป็นระยะ ต้องเปลี่ยน ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน แบบถ่านกัมมันต์สม่ำเสมอ
ความเหมาะสม ครัวร้านอาหาร และครัวบ้านที่มีพื้นที่ติดตั้งท่อ คอนโด/อพาร์ตเมนต์ หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเจาะผนังได้

การติดตั้งและบำรุงรักษา ระบบดูดควัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

การติดตั้งและการบำรุงรักษาที่ถูกต้องคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ระบบดูดควัน ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน

1. การติดตั้ง เครื่องการดูดอากาศ ที่ได้มาตรฐาน

  • ระยะห่างที่เหมาะสม: ควรติดตั้ง Kitchen Hood ในระยะความสูงที่เหมาะสมเหนือเตา โดยทั่วไปประมาณ 65-75 เซนติเมตร เพื่อให้การดักจับควันมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ขนาดท่อระบาย: เลือกขนาดท่อระบายที่เหมาะสมกับกำลังของ พัดลมดูดอากาศ และให้มีความยาวสั้นที่สุด พร้อมจำนวนข้อต่อ (Elbows) น้อยที่สุด เพื่อลดการต้านทานการไหลของอากาศ

  • การซีลรอยต่อ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารอยต่อของท่อระบายอากาศและฝาชีดูดควันมีการซีลอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการรั่วไหลของควันและกลิ่น

2. การดูแลรักษา Filter Hood และ ระบบดูดควัน

การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะใน ครัวร้านอาหาร ที่มีการสะสมของไขมันสูง

  • ทำความสะอาด แผ่นกรองดูดอากาศ (Baffle/Mesh Filter): ควรถอด filter hood ออกมาทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือถี่กว่านั้นหากใช้งานหนัก สามารถล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาขจัดคราบไขมัน หรือล้างด้วยเครื่องล้างจานได้

  • เปลี่ยน ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดอากาศ (Charcoal Filter): ใน ระบบดูดควัน แบบหมุนเวียน ควรเปลี่ยน ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน แบบถ่านกัมมันต์ทุก 4-6 เดือน หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้มั่นใจว่ายังสามารถดูดซับกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ทำความสะอาดภายในและภายนอก: เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวภายในและภายนอกของ Kitchen Hood และใบพัดของ พัดลมดูดอากาศ เป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของคราบไขมันที่จะลดประสิทธิภาพของ ระบบดูดควัน

  • ตรวจสอบ พัดลมดูดอากาศ (Motor/Blower): ควรตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์ เครื่องการดูดอากาศ และ พัดลมดูดอากาศ เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ากำลังดูดเป็นปกติ ไม่มีเสียงผิดปกติ หรือการสั่นที่มากเกินไป


ปัจจัยสำคัญในการเลือก ระบบดูดควัน ที่มีประสิทธิภาพ

การเลือก ระบบดูดควัน ที่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาหรือดีไซน์เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยด้านประสิทธิภาพเป็นหลัก

1. กำลังดูด (Airflow Capacity)

หน่วยวัดเป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ( ) หรือลูกบาศก์ฟุตต่อนาที (CFM)

  • ครัวเรือน: ควรเลือกที่มีกำลังดูดอย่างน้อย 600 – 1,000 สำหรับครัวไทยที่ทำอาหารหนัก

  • ครัวร้านอาหาร: ต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำตามขนาดของอุปกรณ์ทำอาหาร โดยทั่วไปจะสูงกว่า 1,500 ขึ้นไป และมักมาพร้อมกับระบบแรงดันสูง

2. ระดับเสียง (Noise Level)

พัดลมดูดอากาศ ที่มีกำลังสูงมักมีเสียงดัง การเลือก Kitchen Hood ที่มีเทคโนโลยีลดเสียง หรือการติดตั้งโบลเวอร์แยกส่วนใน ครัวร้านอาหาร จะช่วยลดมลภาวะทางเสียงได้

3. วัสดุและความทนทาน

โดยเฉพาะใน ครัวร้านอาหาร ควรเลือก ระบบดูดควัน ที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น สแตนเลส (Stainless Steel) ที่ทนทานต่อความร้อน ความชื้น และทำความสะอาดคราบไขมันได้ง่าย


ระบบดูดควัน คือการลงทุนเพื่อสุขภาพและธุรกิจ

ระบบดูดควัน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบ Kitchen Hood หรือ Exhaust Fan คือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับทั้งครัวเรือนและ ครัวร้านอาหาร การมี เครื่องการดูดอากาศ ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณ:

  • รักษาสุขภาพ: ลดการสูดดมควันและอนุภาคไขมันที่อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

  • ยืดอายุเฟอร์นิเจอร์: ลดการเกาะตัวของไขมันบนผนัง เพดาน และตู้ครัว

  • สร้างบรรยากาศที่ดี: กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้ห้องครัวน่าใช้งาน

การทำความเข้าใจในบทบาทของ filter hood และการเลือกใช้ แผ่นกรองดูดอากาศ ที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลรักษา ฟิลเตอร์ฮู้ดดูดควัน และ พัดลมดูดอากาศ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ ระบบดูดควัน ของคุณทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ยาวนาน และคุ้มค่าที่สุด

หากคุณกำลังมองหา ระบบดูดควัน สำหรับ ครัวร้านอาหาร หรือครัวบ้าน อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความต้องการและเลือก เครื่องการดูดอากาศ ที่มีกำลังดูดเหมาะสมกับประเภทการทำอาหารและขนาดพื้นที่ของคุณ