5ข้อ การออกแบบร้านอาหาร ให้มีบรรยากาศดี


งานออกแบบครัวสแตนเลส

Categories:

การออกแบบร้านอาหารให้มีบรรยากาศ แบบร้านอาหารเปิดโล่ง

Big Cleaning Day by Dek Chef - SRU For Sustainable Development - SRU  Sustainable Development Goals

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

วางระบบ ดูดควัน ระบบแก๊ส ประปา ไฟฟ้า สำหรับ ร้านอาหาร โรงแรม การออกแบบร้านอาหารให้มีบรรยากาศและฟังก์ชันที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่มประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบร้านค้าขนาดเล็ก และแบบร้านอาหารเปิดโล่งที่ต้องให้ความสำคัญในการจัดสรรพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาแนวทางการออกแบบร้านอาหารในราคาที่เหมาะสม หรือมีความสนใจว่าบริษัทออกแบบร้านอาหารจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง นี่คือ 5 ข้อหลักที่ควรพิจารณาในการออกแบบร้านอาหาร พร้อมกับข้อย่อยที่ควรให้ความสำคัญ

1. การวางแผนพื้นที่ใช้งาน

การวางแผนพื้นที่ใช้งานในร้านอาหารเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องคำนึงถึงทุกตารางเมตร ในการออกแบบร้านขนาดเล็ก และร้านแบบเปิดโล่ง เพื่อให้เกิดการไหลเวียนที่ดีและสร้างบรรยากาศที่เชื้อเชิญลูกค้า

  • จัดสรรพื้นที่ครัวและพื้นที่นั่งทาน: ควรแบ่งพื้นที่ครัวและพื้นที่รับประทานอาหารอย่างชัดเจน ไม่ให้กลิ่นและควันจากครัวมารบกวนลูกค้า
  • วางแผนเส้นทางการเดินของลูกค้า: สร้างทางเดินที่สะดวกและไม่ขัดขวางการสัญจรของพนักงานเพื่อความคล่องตัว
  • พิจารณาการจัดวางเฟอร์นิเจอร์: ควรเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะหากร้านของคุณมีการจัดกิจกรรมพิเศษหรือเปลี่ยนรูปแบบที่นั่งบ่อย ๆ

2. การออกแบบร้านอาหารแบบเปิดโล่ง

ร้านอาหารแบบเปิดโล่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและดึงดูดลูกค้าที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติในขณะรับประทานอาหาร

  • เลือกใช้วัสดุทนทานต่อสภาพอากาศ: ควรเลือกวัสดุที่ทนทานต่อความร้อน แสงแดด และฝน เพื่อคงความสวยงามของร้านในระยะยาว
  • การเลือกใช้หลังคาแบบโปร่งแสงหรือกันแดดได้: หลังคาโปร่งแสงหรือกันแดดช่วยสร้างความรู้สึกที่กว้างขวางในพื้นที่ขนาดเล็กโดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด
  • การตกแต่งด้วยพรรณไม้: พรรณไม้จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร้านอาหารและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

3. การเลือกใช้แสงสว่าง

แสงสว่างมีผลอย่างมากต่อบรรยากาศร้านอาหาร ควรมีการวางแผนแสงสว่างที่เหมาะสมให้ทั้งครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร

  • แสงธรรมชาติและแสงไฟ: หากเป็นไปได้ควรใช้แสงธรรมชาติร่วมกับแสงไฟ เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความสว่างให้กับร้าน
  • แสงไฟเน้นจุดสำคัญ: ควรใช้แสงไฟเน้นที่เคาน์เตอร์หรือตัวอาหารเพื่อสร้างความน่าสนใจ
  • ควบคุมแสงไฟให้เหมาะสม: แสงไฟที่เหมาะสมช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบาย

4. การเลือกสไตล์การตกแต่งที่เหมาะสม

สไตล์ของร้านอาหารเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้า ควรเลือกสไตล์การตกแต่งที่เหมาะสมและสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้าน

  • เลือกใช้วัสดุและสีที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของร้าน: เช่น วัสดุไม้ให้ความอบอุ่น สีขาวเพิ่มความสะอาดและความเรียบง่าย
  • สร้างจุดดึงดูดสายตา: เช่น กำแพงตกแต่งด้วยภาพวาดหรือลวดลายที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ร้านมีความโดดเด่น
  • การจัดระเบียบตกแต่ง: ควรจัดให้เรียบร้อยและง่ายต่อการดูแลรักษาเพื่อให้ร้านดูสะอาดและเป็นระเบียบอยู่เสมอ

5. การทำงานร่วมกับบริษัทออกแบบร้านอาหาร

การทำงานร่วมกับบริษัทออกแบบจะช่วยลดความยุ่งยากในการออกแบบร้านและสามารถออกแบบได้ตามงบประมาณที่มีอย่างเหมาะสม

  • การประเมินงบประมาณ: บริษัทออกแบบสามารถช่วยประเมินค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการใช้งานของร้านอาหาร
  • คำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมายและความปลอดภัย: บริษัทยังช่วยแนะนำเรื่องการติดตั้งระบบความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ
  • การวางแผนและการออกแบบให้สอดคล้องกับเทรนด์: บริษัทรู้จักเทรนด์ใหม่ๆ ในการออกแบบที่สามารถช่วยให้ร้านของคุณดูโดดเด่น

 

หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การออกแบบครัว โปรดแจ้งให้ทราบได้เลยค่ะ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณา ติดต่อ

การเลือกวัสดุท่อและฟิลเตอร์ที่เหมาะสม

การเลือกวัสดุสำหรับท่อและฟิลเตอร์ในระบบดูดควันเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานและความทนทาน โดยเฉพาะในครัวที่ต้องเจอกับควัน น้ำมัน และความร้อนสูง ต่อไปนี้คือคำแนะนำที่เหมาะสม:

1. วัสดุสำหรับท่อระบายอากาศ

วัสดุที่ใช้สำหรับท่อในระบบดูดควันมีหลากหลาย ควรเลือกตามลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม:

วัสดุยอดนิยม

  1. สังกะสี (Galvanized Steel)
    • ข้อดี:
      • น้ำหนักเบา ราคาประหยัด
      • ทนต่อการกัดกร่อน (หากเคลือบสังกะสีอย่างดี)
    • ข้อควรระวัง:
      • ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีอุณหภูมิสูงมาก
    • เหมาะสำหรับ: ครัวทั่วไปหรือร้านอาหารขนาดเล็ก
  2. สแตนเลส (Stainless Steel)
    • ข้อดี:
      • ทนต่อความร้อนและการกัดกร่อนสูง
      • ทำความสะอาดง่าย และมีอายุการใช้งานยาวนาน
    • ข้อควรระวัง:
      • ราคาสูงกว่าสังกะสี
    • เหมาะสำหรับ: ครัวอุตสาหกรรมหรือครัวที่มีการใช้งานหนัก
  3. อลูมิเนียม (Aluminum)
    • ข้อดี:
      • น้ำหนักเบามาก
      • ต้านการกัดกร่อนได้ดีในระดับหนึ่ง
    • ข้อควรระวัง:
      • ทนต่ออุณหภูมิและแรงกระแทกได้น้อยกว่าสแตนเลส
    • เหมาะสำหรับ: ระบบระบายอากาศทั่วไป
  4. พีวีซี (PVC)
    • ข้อดี:
      • ราคาถูก น้ำหนักเบา
      • ทนสารเคมีได้ดี
    • ข้อควรระวัง:
      • ไม่ทนต่อความร้อนสูง (เหมาะสำหรับระบบที่ไม่เจอกับความร้อนโดยตรง)
    • เหมาะสำหรับ: งานที่ไม่ต้องระบายควันร้อน เช่น ระบายไอเสียจากสารเคมี

2. การเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสม

ฟิลเตอร์ในระบบดูดควันมีบทบาทสำคัญในการกรองคราบน้ำมัน ฝุ่น และอนุภาคอื่น ๆ ก่อนอากาศจะเข้าสู่มอเตอร์หรือออกสู่ภายนอก:

ประเภทฟิลเตอร์ที่ใช้บ่อย

  1. Baffle Filter (แผ่นกรองบาฟเฟิล)
    • คุณสมบัติ:
      • ทำจากสแตนเลสหรืออลูมิเนียม
      • ดักจับคราบน้ำมันได้ดีและทำความสะอาดง่าย
      • ออกแบบให้มีช่องระบายอากาศเพื่อให้ควันไหลผ่าน
    • เหมาะสำหรับ:
      • ครัวที่มีการทอดหรือผัด ซึ่งมีน้ำมันจำนวนมาก
  2. Mesh Filter (แผ่นกรองตาข่าย)
    • คุณสมบัติ:
      • ทำจากอลูมิเนียมหรือโลหะอื่น ๆ
      • กรองฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กได้ดี
      • ราคาถูก น้ำหนักเบา
    • ข้อควรระวัง:
      • ไม่เหมาะสำหรับครัวที่มีน้ำมันมาก เนื่องจากอาจเกิดการอุดตัน
    • เหมาะสำหรับ:
      • ครัวทั่วไป หรือระบบที่ไม่มีน้ำมันหนาแน่น
  3. Carbon Filter (แผ่นกรองถ่าน)
    • คุณสมบัติ:
      • ดูดซับกลิ่นและควันที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น กลิ่นอาหารหรือสารเคมี
      • ใช้งานได้ดีในระบบหมุนเวียนอากาศภายใน (Recirculation)
    • ข้อควรระวัง:
      • ต้องเปลี่ยนเป็นประจำ (อายุการใช้งานประมาณ 3-6 เดือน)
    • เหมาะสำหรับ:
      • ครัวในบ้านที่ไม่มีท่อระบายออกภายนอก
  4. Electrostatic Filter (แผ่นกรองไฟฟ้าสถิต)
    • คุณสมบัติ:
      • ใช้กระแสไฟฟ้าสถิตในการดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นละออง ควัน และกลิ่น
      • ประสิทธิภาพสูง แต่ต้องบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
    • ข้อควรระวัง:
      • ราคาสูง
    • เหมาะสำหรับ:
      • ครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการกรองอากาศอย่างละเอียด

3. การจับคู่วัสดุท่อและฟิลเตอร์

ลักษณะการใช้งาน วัสดุท่อ ฟิลเตอร์ที่แนะนำ
ครัวบ้านทั่วไป สังกะสี / พีวีซี Mesh Filter / Carbon Filter
ร้านอาหารขนาดเล็ก สังกะสี / อลูมิเนียม Baffle Filter / Mesh Filter
ครัวอุตสาหกรรม (ใช้งานหนัก) สแตนเลส Baffle Filter / Electrostatic
พื้นที่ไม่มีน้ำมัน (ระบายสารเคมี) พีวีซี / อลูมิเนียม Carbon Filter

4. เคล็ดลับการเลือกและดูแล

  1. เลือกวัสดุคุณภาพสูง:
    • แม้ว่าสแตนเลสจะมีราคาสูงกว่า แต่มีความคุ้มค่าในระยะยาวเนื่องจากทนต่อการกัดกร่อนและทำความสะอาดง่าย
  2. ล้างฟิลเตอร์เป็นประจำ:
    • ฟิลเตอร์น้ำมัน (Baffle/Mesh) ควรถอดล้างทุก 1-2 สัปดาห์
    • ฟิลเตอร์ถ่าน (Carbon) ควรเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน
  3. ตรวจสอบระบบท่อ:
    • ท่อระบายอากาศควรได้รับการตรวจสอบปีละครั้งเพื่อป้องกันการอุดตัน
  4. ออกแบบระบบรองรับการบำรุงรักษา:
    • ให้มีพื้นที่หรือช่องสำหรับถอดล้างฟิลเตอร์และทำความสะอาดท่อได้สะดวก